การเผชิญหน้าความกลัว – ความกลัวที่ปฏิเสธไม่ได้
เมื่อถึงเวลาที่เราต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้ ความกลัวมักจะเข้าครอบงำเรา ความกลัวนั้นอาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น กลัวว่าจะไม่ได้รับความช่วยเหลือ กลัวว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ หรือแม้แต่กลัวการถูกปฏิเสธจากอีกฝ่าย แต่ความกลัวเหล่านี้สามารถถูกจัดการได้ ถ้าเรามีความเข้าใจและใช้ทฤษฎีทางจิตวิทยาที่เหมาะสม
ความกลัว – รากฐานที่ฝังลึกในจิตใจเรา
“การยอมรับความกลัวคือก้าวแรกในการเอาชนะมัน”
ก่อนที่เราจะสามารถเอาชนะความกลัวได้ เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าความกลัวนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ตามทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theory) ความกลัวที่เรารู้สึกเมื่อคิดถึงการเจรจากับเจ้าหนี้ อาจเกิดจากประสบการณ์ในอดีตที่ไม่ดี เช่น การเจรจาที่ล้มเหลว หรือความรู้สึกไม่มั่นคงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่เราควบคุมไม่ได้
ทฤษฎีการเรียนรู้ (Learning Theory)
ทฤษฎีนี้อธิบายว่าพฤติกรรมและปฏิกิริยาทางอารมณ์ของเราถูกสร้างขึ้นจากประสบการณ์ในอดีต ถ้าเรามีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับการเจรจาหนี้ เช่น การถูกปฏิเสธหรือล้มเหลวในการเจรจาครั้งก่อน เราอาจเกิดความกลัวว่าประสบการณ์ที่ไม่ดีนั้นจะเกิดขึ้นอีก ความกลัวนี้สามารถลดลงได้หากเราสามารถสร้างประสบการณ์ใหม่ที่เป็นบวกมากขึ้น เช่น การเจรจาที่สำเร็จและได้รับผลลัพธ์ที่ดี
ทฤษฎีการประมวลผลข้อมูล (Information Processing Theory
ทฤษฎีนี้อธิบายว่า ความกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อต้องเจรจากับเจ้าหนี้นั้น มาจากการที่สมองของเราประมวลผลข้อมูลและสถานการณ์อย่างผิดพลาด เราอาจตีความคำพูดหรือการแสดงออกของเจ้าหนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม แม้ว่าความเป็นจริงอาจไม่ร้ายแรงเช่นนั้น วิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความกลัวนี้ได้คือ การฝึกสติ (Mindfulness) ซึ่งช่วยให้เราตระหนักถึงความคิดและอารมณ์ของเราในปัจจุบัน และไม่ปล่อยให้ความกลัวเข้าครอบงำการประเมินสถานการณ์ของเรา
การจัดการความกลัว – กุญแจสู่การเจรจาที่ประสบความสำเร็จ
การเผชิญหน้ากับความกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้นั้น สามารถทำได้โดยใช้ทฤษฎีจิตวิทยาหลายแบบ
1. ทฤษฎีการเผชิญหน้า (Exposure Theory)
ทฤษฎีนี้ระบุว่าการเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรากลัวในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย จะช่วยลดความกลัวได้ หากเราฝึกซ้อมการเจรจาหนี้ในสถานการณ์ที่จำลองขึ้นมา เช่น การพูดคุยกับเพื่อนที่รับบทเป็นเจ้าหนี้ หรือการใช้เทคนิคการฝึกสติระหว่างการซ้อม ความกลัวในสถานการณ์จริงจะลดลง และเราจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องเจรจาจริง
2. ทฤษฎีการปรับเปลี่ยนความคิด (Cognitive Behavioral Therapy – CBT)
CBT เป็นวิธีการทางจิตวิทยาที่ช่วยเปลี่ยนมุมมองและความคิดเชิงลบที่เป็นสาเหตุของความกลัว เราสามารถใช้วิธีนี้ในการเจรจาหนี้ได้โดยการตั้งคำถามกับความคิดที่เป็นสาเหตุของความกลัว เช่น “ถ้าฉันถูกปฏิเสธ แปลว่าฉันล้มเหลว?” หรือ “เจ้าหนี้ต้องการทำร้ายฉันหรือเปล่า?” การทบทวนความคิดเหล่านี้จะช่วยให้เรามีมุมมองที่เป็นกลางมากขึ้น และลดความกลัวที่ไม่จำเป็น
ตัวอย่างและทางออกเพิ่มเติม
ตัวอย่างที่ 1 ความกลัวการถูกปฏิเสธ
• สถานการณ์ คุณมีข้อเสนอในการผ่อนชำระหนี้ที่ดูเหมือนจะไม่เป็นที่ยอมรับของเจ้าหนี้ และคุณกลัวว่าเจ้าหนี้จะปฏิเสธข้อเสนอของคุณทันที
• ทางออก ใช้ทฤษฎีการเผชิญหน้า (Exposure Theory) และการเตรียมตัวให้พร้อมโดยเสนอแผนผ่อนชำระหลายทางเลือก หากข้อเสนอแรกไม่ได้รับการยอมรับ คุณยังมีทางเลือกอื่นๆ ที่สามารถเจรจาต่อรองได้ นอกจากนี้ ใช้ทฤษฎีการประเมินใหม่ (Reappraisal) โดยปรับมุมมองว่า “การเจรจาเป็นโอกาสในการหาทางออก ไม่ใช่การต่อสู้”
ตัวอย่างที่ 2 ความกลัวการพูดไม่ชัดเจน
• สถานการณ์ คุณกลัวว่าคุณจะไม่สามารถอธิบายสถานการณ์ทางการเงินของคุณให้เจ้าหนี้เข้าใจได้ชัดเจน
• ทางออก การฝึกซ้อมและเตรียมข้อมูลให้พร้อมจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ ฝึกซ้อมการพูดให้ชัดเจนต่อหน้ากระจกหรือกับเพื่อนใกล้ชิด และใช้เทคนิคการผ่อนคลายกล้ามเนื้อก่อนการเจรจาเพื่อลดความตื่นเต้น
ตัวอย่างที่ 3 ความกลัวที่จะถูกตำหนิ
• สถานการณ์ คุณกังวลว่าเจ้าหนี้จะตำหนิหรือดุด่าว่าคุณไม่มีความรับผิดชอบต่อการชำระหนี้
• ทางออก การยอมรับความผิดพลาดของตนเองเป็นขั้นตอนแรกที่ดี แสดงให้เห็นว่าคุณมีความตั้งใจที่จะแก้ไขสถานการณ์ โดยใช้ทฤษฎีการประเมินเชิงบวก (Positive Reappraisal) เพื่อเน้นว่าคุณกำลังพยายามหาทางออกที่ดีขึ้น
ตัวอย่างที่ 4 ความกลัวที่จะไม่สามารถต่อรองได้
• สถานการณ์ คุณกลัวว่าเจ้าหนี้จะไม่เปิดรับการต่อรองใดๆ ทำให้คุณรู้สึกหมดหวัง
• ทางออก เตรียมข้อเสนอที่มีข้อมูลรองรับอย่างรอบคอบ เช่น รายละเอียดทางการเงินของคุณที่ชัดเจน และความสามารถในการชำระหนี้ตามข้อเสนอ หากคุณมีข้อมูลและหลักฐานที่ชัดเจน เจรจาจะเป็นเรื่องง่ายขึ้น นอกจากนี้ การใช้ทฤษฎีการสนับสนุนทางสังคม (Social Support Theory) จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจมากขึ้น เพราะการได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างจะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเจรจา
ตัวอย่างที่ 5 ความกลัวการสูญเสียความน่าเชื่อถือ
• สถานการณ์ คุณกังวลว่าการที่คุณไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดจะทำให้คุณสูญเสียความน่าเชื่อถือในสายตาของเจ้าหนี้
• ทางออก การเปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมาและการเสนอแผนการชำระหนี้ที่มีเหตุผลจะแสดงถึงความซื่อสัตย์และความตั้งใจในการแก้ไขปัญหา สิ่งนี้จะช่วยสร้างความไว้วางใจได้มากกว่าการพยายามปิดบังปัญหา ทฤษฎีการสื่อสารแบบเปิด (Open Communication Theory) แนะนำว่าการเปิดเผยความจริงและการสื่อสารที่ตรงไปตรงมาจะช่วยสร้างความไว้วางใจในระยะยาว
แนวทางในการจัดการความกลัวเมื่อต้องไปเจรจากับเจ้าหนี้
จัดการความกลัวก่อนพบเจ้าหนี้ ขั้นตอนและวิธีปฏิบัติ
1. การยอมรับความกลัว
การยอมรับว่าความกลัวเป็นสิ่งธรรมชาติ เป็นขั้นตอนแรกในการจัดการกับมัน คุณไม่จำเป็นต้องหลีกหนีความกลัว แค่ต้องตระหนักรู้ว่ามันมีอยู่ การยอมรับนี้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกว่าคุณต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายในของตัวเอง แต่แทนที่จะเผชิญหน้ากับมันและหาทางจัดการ
2. การเตรียมตัวอย่างละเอียด
ความกลัวมักเกิดจากความไม่มั่นใจในสิ่งที่เราไม่รู้หรือไม่คุ้นเคย ดังนั้นการเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก จัดเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเงินของคุณให้ชัดเจน รวมถึงข้อเสนอการผ่อนชำระหนี้ที่เป็นไปได้หลายๆ แบบ เพื่อให้คุณมีตัวเลือกในการเจรจา การเตรียมตัวที่ดีจะช่วยลดความกลัวและเพิ่มความมั่นใจในการเจรจา
3. การหายใจลึกและการผ่อนคลาย
เทคนิคการหายใจลึกและการผ่อนคลาย (Deep Breathing and Relaxation Techniques) เป็นวิธีง่ายๆ ที่สามารถช่วยลดความตื่นเต้นและความกลัวได้ ลองหายใจเข้าลึกๆ ผ่านทางจมูก นับถึงสามแล้วหายใจออกทางปาก ทำเช่นนี้ซ้ำหลายๆ ครั้งก่อนการเจรจาจะเริ่มขึ้น เทคนิคนี้จะช่วยลดความตึงเครียดในร่างกาย และทำให้คุณรู้สึกสงบลง
4. การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
หากคุณรู้สึกว่าความกลัวเกินกว่าที่คุณจะจัดการได้ด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นความกลัวที่มากเกินไปหรือความวิตกกังวลที่ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน อย่าลังเลที่จะหาคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน พวกเขาสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมและช่วยให้คุณหาทางออกที่ดีที่สุดได้
5. การปรับมุมมอง
การเปลี่ยนมุมมองของคุณเกี่ยวกับการเจรจาหนี้เป็นกุญแจสำคัญในการจัดการความกลัว แทนที่จะมองว่าการเจรจาเป็นการต่อสู้กับเจ้าหนี้ ให้มองว่าเป็นโอกาสที่คุณจะได้หาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย มุมมองเชิงบวกนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและเปิดใจมากขึ้นในการเจรจา
การเจรจากับเจ้าหนี้อาจเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ด้วยการใช้เทคนิคทางจิตวิทยาที่เหมาะสม เราสามารถเอาชนะความกลัวนั้นและหาทางออกที่ดีที่สุดได้ ความสำเร็จในการเจรจาขึ้นอยู่กับความเข้าใจในตนเอง การเตรียมตัวอย่างดี และการเผชิญหน้ากับความกลัวอย่างกล้าหาญ
การนำทฤษฎีไปปรับใช้ในสถานการณ์จริง
1. การฝึกซ้อมในสถานการณ์จำลอง
คุณสามารถจัดการซ้อมเจรจากับเจ้าหนี้ในสถานการณ์จำลอง โดยมีเพื่อนหรือที่ปรึกษาทางการเงินทำหน้าที่เป็นเจ้าหนี้ การฝึกซ้อมนี้จะช่วยให้คุณคุ้นเคยกับการเจรจาและสามารถทบทวนข้อเสนอและวิธีการพูดของคุณ
2. การบันทึกและทบทวนการเจรจา
บันทึกเสียงหรือวิดีโอของการเจรจาที่คุณซ้อมไว้ และทบทวนมันเพื่อหาจุดที่คุณสามารถปรับปรุงได้ การทบทวนนี้จะช่วยให้คุณเห็นจุดอ่อนและความสำเร็จของคุณ และสามารถปรับกลยุทธ์ได้ในครั้งถัดไป
3. การใช้การสนับสนุนทางสังคม
ก่อนการเจรจาจริง คุณสามารถขอความเห็นหรือคำแนะนำจากครอบครัวหรือเพื่อนที่เคยมีประสบการณ์ในการเจรจาหนี้ การได้รับกำลังใจและคำแนะนำจากคนรอบข้างจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและลดความกลัวของคุณ
4. การใช้เทคนิคการตั้งเป้าหมาย
ตั้งเป้าหมายในการเจรจา เช่น เป้าหมายที่ต้องการได้จากการเจรจาและสิ่งที่คุณต้องการเจรจาให้สำเร็จ การมีเป้าหมายชัดเจนจะช่วยให้คุณมีทิศทางในการเจรจา และสามารถโฟกัสไปที่สิ่งสำคัญโดยไม่หลงทาง
5. การเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ทุกแบบ
แม้ว่าคุณจะเตรียมตัวมาดีแล้ว การเจรจาอาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง ดังนั้น การเตรียมพร้อมสำหรับผลลัพธ์ทุกแบบจะช่วยลดความกลัวและความกดดันในระหว่างการเจรจา หากผลลัพธ์ไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ คุณยังมีแผนสำรองที่สามารถใช้ได้
บทความโดย : กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์
…
หากรายได้จากงานประจำไม่พอใช้
อาชีพนายหน้าอสังหาฯ คือคำตอบ
ไม่ต้องลาออก ไม่ต้องทิ้งเงินเดือน
ก็สร้างความมั่งคั่งจากอาชีพนายหน้าได้
หนังสือ QR Code Book
ทำเงินล้านจากอาชีพนายหน้า
31 บทเรียน เริ่มต้นอาชีพนายหน้าอสังหาฯ
เทคนิคสร้างเงินล้าน เปลี่ยนมือใหม่เป็นมืออาชีพ
✓ มีเนื้อหาให้อ่านทั้งหมด 208 หน้า
✓ 5 คลิปวิดีโอสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญ
✓ ความยาววิดีโอรวม 1 ชั่วโมง 24 นาที
• หากมีข้อสงสัย แอดไลน์ : @7dbook.store (มี@)