ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามามีบทบาทในทุกด้านของการทำธุรกิจ ผู้บริหารที่ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ AI (Artificial Intelligence) ในการทำงานได้ อาจต้องเผชิญกับอนาคตที่ไม่น่าพิสมัยนัก ลองคิดดูว่าหากองค์กรของคุณไม่ใช้ AI มาช่วยงานเลย คุณจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง และอนาคตจะเป็นเช่นไร
ความน่าจะเป็นขององค์กรที่ไม่ใช้ AI มาช่วยทำงาน
ถ้าคุณยังคิดว่า AI เป็นเรื่องไกลตัว และเชื่อมั่นในวิธีการทำงานแบบเดิม ๆ ที่ไม่มี AI เข้ามาเกี่ยวข้อง คุณอาจต้องทบทวนใหม่ เพราะองค์กรที่ไม่ใช้ AI มาช่วยงานอาจต้องเผชิญกับปัญหาหลายประการ
1. การล้าหลังทางการแข่งขัน
ในขณะที่คู่แข่งของคุณใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น องค์กรของคุณกลับย่ำอยู่กับที่ สิ่งนี้จะทำให้องค์กรของคุณถูกทิ้งห่างจากตลาดและสูญเสียโอกาสทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว
2. การขาดความสามารถในการตัดสินใจอย่างแม่นยำ
ในยุคข้อมูลสารสนเทศ AI เป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูลและให้คำแนะนำในการตัดสินใจ องค์กรที่ไม่ใช้ AI จะพลาดโอกาสในการตัดสินใจที่มีข้อมูลสนับสนุนอย่างเต็มที่ อาจทำให้การตัดสินใจไม่ถูกต้อง และนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่น่าพอใจ
3. การขาดนวัตกรรมและการพัฒนา
AI ไม่ได้มีแค่บทบาทในการช่วยงานประจำเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการค้นคว้าและพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ หากคุณไม่ใช้ AI คุณอาจพลาดโอกาสในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่สามารถนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้
จะเริ่มต้นใช้ AI มาช่วยงานทำอย่างไร
หากคุณยังไม่เคยใช้ AI มาก่อน การเริ่มต้นอาจดูซับซ้อน แต่แท้จริงแล้วการนำ AI มาช่วยงานนั้นเริ่มต้นได้ไม่ยากเท่าที่คิด โดยมีขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
1. ทำความเข้าใจกับความต้องการขององค์กร
ก่อนที่จะนำ AI มาใช้ คุณควรเริ่มต้นด้วยการประเมินว่ามีปัญหาหรือกระบวนการใดในองค์กรที่ AI สามารถช่วยแก้ไขหรือปรับปรุงได้บ้าง ตัวอย่างเช่น การคัดกรองผู้สมัครงาน การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หรือการพยากรณ์ยอดขาย
2. เลือกเทคโนโลยี AI ที่เหมาะสม
หลังจากที่รู้ว่าคุณต้องการอะไรจาก AI ขั้นตอนต่อไปคือการเลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น Machine Learning, Natural Language Processing หรือ Computer Vision คุณต้องมั่นใจว่าเทคโนโลยีที่เลือกนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายและความต้องการขององค์กร
3. พัฒนาความรู้และทักษะในองค์กร
การนำ AI เข้ามาใช้ไม่ได้หมายความว่าเพียงแค่ซื้อซอฟต์แวร์มาแล้วทุกอย่างจะดีขึ้น คุณต้องลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และทักษะในการใช้ AI เพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. เริ่มต้นจากโครงการขนาดเล็ก
อย่าเพิ่งคิดไปไกลจนเกินไป เริ่มต้นจากการใช้ AI ในโครงการหรือกระบวนการที่มีขนาดเล็กและสามารถวัดผลได้ง่าย เช่น การใช้ AI ในการตอบคำถามลูกค้าแบบอัตโนมัติ จากนั้นค่อยขยายการใช้งานไปยังส่วนอื่น ๆ ขององค์กร
5. ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
การใช้ AI เป็นกระบวนการที่ต้องมีการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อย่าคาดหวังว่า AI จะสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ทันที คุณต้องพร้อมที่จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับปรุงกระบวนการตามความต้องการและผลลัพธ์ที่ได้รับ
ตัวอย่างธุรกิจระดับโลกที่ใช้ AI ช่วยทำงาน
หลายบริษัทระดับโลกได้ตระหนักถึงความสำคัญของ AI และนำมาใช้ในการทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและนวัตกรรม ลองมาดูตัวอย่างที่ชัดเจนกัน
1. Google
Google ใช้ AI ในหลาย ๆ ด้านของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหา การแปลภาษา และการโฆษณา นอกจากนี้ยังมีการใช้ AI ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น Google Assistant ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับอุปกรณ์ได้อย่างสะดวกสบาย
2. Amazon
Amazon ใช้ AI ในการปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์และการจัดการคลังสินค้า AI ยังช่วยในการคาดการณ์ความต้องการของลูกค้า ทำให้ Amazon สามารถจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าต้องการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
3. Tesla
Tesla เป็นผู้นำในการใช้ AI ในการพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (Autonomous Vehicles) โดย AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และกล้องที่ติดตั้งบนรถ เพื่อให้รถสามารถขับเคลื่อนโดยไม่ต้องมีคนขับ นอกจากนี้ยังมีการใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากการใช้งานจริงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของรถยนต์
4. Netflix
Netflix ใช้ AI ในการวิเคราะห์พฤติกรรมการรับชมของผู้ใช้เพื่อแนะนำคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของแต่ละคน ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การรับชมและทำให้ผู้ใช้ใช้เวลาอยู่ในแพลตฟอร์มนานขึ้น
5. IBM Watson
IBM Watson เป็นระบบ AI ที่ถูกนำมาใช้ในหลาย ๆ อุตสาหกรรม เช่น การแพทย์ การเงิน และการบริการลูกค้า โดย Watson สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนและให้คำแนะนำหรือคำตอบที่แม่นยำในเวลาอันรวดเร็ว
ใช้ AI ช่วยวางกลยุทธ์องค์กรได้อย่างไร
I ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือในการทำงานประจำเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางกลยุทธ์องค์กร ช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้แม่นยำขึ้นและนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว
1. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Data-Driven Insights)
AI สามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ข้อมูลการขาย ข้อมูลลูกค้า หรือข้อมูลทางการตลาด ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารมีภาพรวมที่ชัดเจนและสามารถตัดสินใจได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่แม่นยำ
2. การพยากรณ์แนวโน้ม (Predictive Analytics)
AI ช่วยในการพยากรณ์แนวโน้มในตลาดและความต้องการของลูกค้า ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาด และสามารถตอบสนองต่อโอกาสและความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การปรับปรุงกระบวนการทำงาน (Operational Efficiency)
AI สามารถวิเคราะห์กระบวนการทำงานภายในองค์กรเพื่อหาช่องว่างและปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตขององค์กร
4. การสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ (Innovation)
AI ช่วยในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลและการใช้ Machine Learning ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ใช้ AI ช่วยพัฒนางานบุคคลได้อย่างไร
นอกจากการช่วยวางกลยุทธ์แล้ว AI ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนางานบุคคล ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน
1. การสรรหาและคัดกรองพนักงาน (Recruitment and Screening)
AI ช่วยในการคัดกรองผู้สมัครงานจากข้อมูลที่ได้รับจากเรซูเม่และการสัมภาษณ์ โดยใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์คุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้สมัคร ทำให้การคัดเลือกพนักงานมีความแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
2. การพัฒนาทักษะและการฝึกอบรม (Skills Development and Training)
AI สามารถวิเคราะห์ทักษะและความต้องการในการพัฒนาของพนักงานแต่ละคน และแนะนำโปรแกรมการฝึกอบรมที่เหมาะสม เพื่อให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
3. การบริหารจัดการผลงาน (Performance Management)
AI ช่วยในการติดตามและวิเคราะห์ผลการทำงานของพนักงาน โดยใช้ข้อมูลจากการประเมินผลและการให้ฟีดแบ็ก ทำให้ผู้บริหารสามารถบริหารจัดการผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นธรรม
4. การเพิ่มความพึงพอใจของพนักงาน (Employee Engagement)
AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับความพึงพอใจของพนักงานและเสนอแนวทางในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานหรือวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจและมีความผูกพันกับองค์กรมากขึ้น
สรุปว่า ทำไมผู้บริหารจึงต้องใช้ AI มาช่วยงาน?
เมื่อพิจารณาถึงทุกแง่มุมแล้ว จะเห็นได้ว่าการไม่ใช้ AI ในการทำงานเป็นการทิ้งโอกาสและทำให้องค์กรล้าหลังอย่างมาก ผู้บริหารที่ยังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการใช้ AI จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการพลาดโอกาสทางธุรกิจ เสียเปรียบคู่แข่ง และสูญเสียความสามารถในการตัดสินใจอย่างแม่นยำ ในทางกลับกัน การนำ AI มาช่วยงานจะทำให้องค์กรสามารถเติบโตและประสบความสำเร็จได้ในยุคที่เทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญของการทำธุรกิจ
ผู้บริหารที่ฉลาดจะต้องมองเห็นถึงความสำคัญของ AI และนำมาใช้ในการวางกลยุทธ์ การพัฒนางานบุคคล และการดำเนินงานต่าง ๆ เพื่อให้องค์กรสามารถแข่งขันได้ในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และที่สำคัญคือ การใช้ AI จะช่วยให้คุณเป็นผู้นำที่สามารถตัดสินใจได้บนพื้นฐานของข้อมูลที่แม่นยำและเป็นธรรม และพัฒนาองค์กรไปสู่ความสำเร็จในอนาคต
ดังนั้น ถ้าคุณยังไม่เริ่มใช้ AI ในการทำงาน ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องลงมือทำ ก่อนที่จะสายเกินไป
…
10 เรื่องต้องรู้ลึก หากต้องการนำบริษัท
เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
สมัครหลักสูตรออนไลน์
ปั้นธุรกิจเข้า IPO ด้วย Gen AI
ยุคเก่า คุณอาจต้องจ่ายค่าที่ปรึกษา และใช้เวลามหาศาล
แต่ยุคนี้ แค่รู้วิธีใช้ AI เป็นผู้ช่วย คุณจะสำเร็จได้ด้วยตัวเอง
ปั้นธุรกิจของคุณ เข้า IPO
ด้วยการใช้ Gen AI เป็นผู้ช่วย
นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เร็วกว่าเป้าหมายที่คุณกำหนดไว้
ทักในช่องความคิดเห็นหรือในอินบ็อกซ์ตอนนี้
อีกช่องทางสำหรับการสั่งซื้อ @Line (@7d.hub)