เรากำลังเผชิญกับความก้าวหน้าของ AI ที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในงานวิจัย หลายคนกังวลว่า AI จะสามารถแทนที่การคิดเชิงวิเคราะห์ของมนุษย์ได้หรือไม่? ความสามารถของ AI ในการประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล และเรียนรู้ได้ด้วยตนเองนั้นมีการพัฒนาไปไกล แต่จะสามารถเทียบเท่าหรือแม้กระทั่งก้าวข้ามการคิดเชิงลึกของมนุษย์ได้จริงหรือ?
การคิดเชิงวิเคราะห์นั้นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการตีความและความเข้าใจในเชิงบริบทของข้อมูล ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้ประสบการณ์และการตัดสินใจที่ละเอียดอ่อน AI อาจสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างแม่นยำ แต่คำถามคือ มันสามารถเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ และตัดสินใจในระดับที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และความเข้าใจลึกซึ้งได้หรือไม่?
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญของ AI คือการขาดความสามารถในการตีความข้อมูลเชิงอารมณ์และบริบท ซึ่งการวิจัยหลายชิ้นสนับสนุนว่า AI ยังไม่สามารถเข้าใจและเชื่อมโยงข้อมูลที่ซับซ้อนได้ในระดับที่มนุษย์ทำได้ ตัวอย่างเช่น การศึกษาโดย OpenAI (2021) พบว่าแม้ AI จะสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมาถึงการตัดสินใจที่ต้องการการเชื่อมโยงกับบริบทสังคมและวัฒนธรรม AI ยังขาดทักษะในด้านนี้อย่างเห็นได้ชัด
AI ยังไม่สามารถทำความเข้าใจกับข้อมูลที่มาจากแหล่งข้อมูลที่มีความหลากหลายทางความหมาย เช่น อารมณ์ของผู้คน หรือวัฒนธรรมที่แตกต่าง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการตีความข้อมูลในเชิงลึกของมนุษย์ งานวิจัยของ MIT (2019) ยังพบว่า AI สามารถทำงานที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากได้ดี แต่ในด้านการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่ต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน AI ยังคงล้มเหลว
AI จะไม่สามารถแทนที่การคิดเชิงวิเคราะห์ของมนุษย์ได้เต็มที่ แต่จะทำหน้าที่เป็น “เครื่องมือ” ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของมนุษย์ได้ ตัวอย่างของการใช้ AI ในการช่วยงานวิจัยที่ประสบความสำเร็จได้แก่โครงการ DeepMind’s AlphaFold (2020) ซึ่งสามารถพยากรณ์โครงสร้างโปรตีนได้อย่างแม่นยำ แต่นักวิจัยยังต้องใช้ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ในการเชื่อมโยงผลลัพธ์นี้กับบริบททางชีววิทยาและการรักษาโรค
นักวิจัยยังสามารถใช้ AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลมหาศาล เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลจีโนม แต่ยังคงต้องอาศัยทักษะการตีความเชิงลึกเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจากข้อมูลเหล่านั้น การผสมผสานระหว่าง AI และการคิดเชิงวิเคราะห์ของมนุษย์จะช่วยให้เราสามารถสร้างนวัตกรรมและแนวคิดใหม่ ๆ ในการวิจัยที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เป้าหมายหลักคือการนำ AI มาใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้นักวิจัยสามารถมุ่งเน้นไปที่การตีความข้อมูลเชิงลึก และเชื่อมโยงข้อมูลกับบริบทที่ซับซ้อน การวิจัยควรมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้วิธีการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมกับพัฒนาทักษะของมนุษย์ในด้านการตีความและการคิดสร้างสรรค์
นักวิจัยควรตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้เครื่องมือ AI ใหม่ ๆ ที่สามารถช่วยในงานวิจัยได้ และเสริมสร้างทักษะการคิดวิเคราะห์ของตนเองในมิติต่าง ๆ ที่ AI ไม่สามารถทำได้ เช่น การตีความเชิงวัฒนธรรมและสังคม
เพื่อการใช้ AI ในงานวิจัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยต้อง
1. เข้าใจขีดความสามารถและข้อจำกัดของ AI
การรู้ว่า AI ทำอะไรได้และไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญในการประยุกต์ใช้งานให้ถูกต้อง เช่น งานที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก AI ทำได้ดี แต่การตีความบริบทที่ซับซ้อนยังเป็นเรื่องที่ต้องพึ่งพามนุษย์
2. พัฒนาทักษะการตีความและคิดวิเคราะห์
การคิดเชิงวิเคราะห์ในเชิงลึกที่รวมถึงการเชื่อมโยงข้อมูลหลายด้านเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ยังคงได้เปรียบ และควรพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
3. ใช้งาน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
งานที่ซับซ้อนแต่ใช้เวลาน้อยหรือเป็นงานที่ทำซ้ำ AI สามารถช่วยได้ดี ทำให้นักวิจัยมีเวลาในการมุ่งเน้นที่การวิเคราะห์และตีความที่มีมิติทางอารมณ์และความเข้าใจเชิงลึก
4. ทำงานร่วมกันระหว่าง AI และมนุษย์
การใช้งาน AI เป็นผู้ช่วยที่ดีจะต้องอยู่บนพื้นฐานของการทำงานร่วมกัน โดยใช้ AI ในการช่วยในส่วนที่ใช้เวลาและทำซ้ำซาก เพื่อให้มนุษย์สามารถมุ่งเน้นไปที่การตีความและการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ
การใช้ AI ในการวิจัยจะช่วยให้นักวิจัยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำงาน แต่การตัดสินใจเชิงลึก การตีความเชิงวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์นวัตกรรมยังคงต้องพึ่งพามนุษย์ นอกจากนี้ การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพจะต้องมีการฝึกฝนและเรียนรู้วิธีการใช้งานอย่างถูกต้อง และนำมาประยุกต์ใช้ในการวิจัยเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
• AI ยังไม่สามารถแทนที่การคิดเชิงวิเคราะห์ของมนุษย์ได้ เนื่องจากขาดความเข้าใจในบริบททางอารมณ์และสังคม
• AI สามารถเป็นเครื่องมือช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
• นักวิจัยยังคงต้องใช้ทักษะการคิดวิเคราะห์และตีความในบริบทที่ซับซ้อน
• ตัวอย่างการใช้ AI ในการวิจัยที่ประสบความสำเร็จ ได้แก่ DeepMind’s AlphaFold และ OpenAI
• เป้าหมายหลักคือการผสมผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง AI และมนุษย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานวิจัย
• การทำงานร่วมกันระหว่าง AI และการคิดเชิงวิเคราะห์ของมนุษย์จะสร้างผลงานวิจัยที่แข็งแกร่ง
…
ด้วยคุณภาพหลักสูตรเป็นที่ยอมรับ
ผู้เรียนทั้ง 9 รุ่นที่ผ่านมาหลายร้อยคนบอกต่อ
หลักสูตร “จบงานวิจัยทั้ง 5 บทแน่
แค่รู้วิธีใช้ AI มาช่วยงานแบบมือโปร”
ปัญหางานวิจัย ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป เมื่อคุณเข้าร่วม Workshop กับ ดร.สุขยืน เทพทอง ในหลักสูตรที่ออกแบบมาเพื่อทำให้การวิจัยทำได้ง่ายขึ้น แค่ให้ AI มาเป็นผู้ช่วยงานวิจัย
AI as Research Assistant ให้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัย เขียนจบได้ตั้งแต่ บทที่ 1 – 5
เรียนจบได้ Certification รับรอง
เข้าร่วมกลุ่ม Openchat ปรึกษากับผู้สอนอย่างต่อเนื่อง
หลักสูตรสอนใช้ Jamovi ในการวิเคราะห์ข้อมูล มูลค่า 6,900 บาท
สำหรับข้าราชการและองค์กรต่าง ๆ สามารถออกใบเบิกและใบเสนอราคาได้