Shopping Cart

No products in the cart.

จิตวิทยาของคนที่ทำอะไรก็สำเร็จ

แบ่งปันเพื่อนๆ หรือ แชร์เก็บไว้ดูเอง

การบรรลุเป้าหมายในชีวิตไม่ใช่เรื่องของโชคหรือพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว หากแต่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝนอย่างตั้งใจ การสะสมประสบการณ์ที่เกิดจากการลงมือทำจริง และการบริหารจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะขยายความในแต่ละแนวคิดให้ละเอียดมากขึ้น พร้อมกับแนะนำวิธีการปฏิบัติเพื่อให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตและประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณทำได้

1. การฝึกฝนและการพัฒนาทักษะ : The Talent Code และ Little Book of Talent

แนวคิดหลัก

หนังสือ The Talent Code และ Little Book of Talent โดย Dan Coyle มุ่งเน้นที่การสร้างและพัฒนาทักษะผ่านกระบวนการฝึกฝนที่มีคุณภาพ แนวคิดที่สำคัญคือการฝึกฝนแบบ “Deep Practice” ซึ่งเป็นการฝึกฝนที่ต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อกระตุ้นการเจริญเติบโตของไมอีลิน (Myelin) ในสมอง ซึ่งทำให้การเรียนรู้และการพัฒนาทักษะเกิดขึ้นอย่างลึกซึ้งและรวดเร็วยิ่งขึ้น

การฝึกฝนอย่างจริงจังและต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ ทักษะไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่การฝึกฝนแบบทั่วไป แต่ต้องเป็นการฝึกฝนที่มีความท้าทายและมุ่งเน้นไปที่การทำผิดพลาดและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณฝึกฝนในลักษณะนี้ จะช่วยสร้างทางเชื่อมประสาทที่แข็งแรงและรวดเร็วขึ้น ทำให้ทักษะที่ฝึกฝนกลายเป็นทักษะที่เชี่ยวชาญ

วิธีปฏิบัติ

– แบ่งการฝึกเป็นช่วง ๆ :
การฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพไม่ควรเป็นการฝึกอย่างหนักหน่วงในระยะเวลายาวนานโดยไม่พัก แต่ควรแบ่งการฝึกเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หลายๆ ช่วง โดยแต่ละช่วงใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังฝึกการเล่นเครื่องดนตรี แทนที่จะฝึกติดต่อกัน 3 ชั่วโมง ให้แบ่งเป็น 6 ช่วง ช่วงละ 30 นาที การฝึกฝนเช่นนี้จะช่วยให้สมองมีเวลาฟื้นฟูและจัดการกับข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้รับเข้าสมอง

– ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายแต่เป็นไปได้ :
การตั้งเป้าหมายในการฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญ เป้าหมายที่ดีควรจะมีความท้าทายพอที่จะกระตุ้นให้คุณพยายามมากขึ้น แต่ก็ต้องเป็นเป้าหมายที่สามารถบรรลุได้ เช่น หากคุณกำลังฝึกการพูดในที่สาธารณะ ให้ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 1 เดือนจะสามารถพูดต่อหน้าคน 50 คนได้อย่างมั่นใจ การตั้งเป้าหมายแบบนี้จะทำให้คุณมีแรงจูงใจและเห็นความก้าวหน้าในการฝึกฝน

– รับรู้ข้อผิดพลาดและแก้ไขทันที:
การฝึกฝนที่ดีไม่ได้หมายถึงการทำซ้ำ ๆ โดยไม่มีการแก้ไขข้อผิดพลาด การรู้ตัวเมื่อทำผิดพลาดและการหยุดเพื่อแก้ไขทันทีเป็นสิ่งที่จำเป็น หากคุณฝึกเล่นเครื่องดนตรีและเล่นผิดอยู่เรื่อย ๆ โดยไม่หยุดแก้ไข ข้อผิดพลาดนั้นจะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัว การหยุดและแก้ไขทันทีจะช่วยให้คุณฝึกฝนได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ

การนำไปประยุกต์ใช้

หากคุณต้องการพัฒนาทักษะใด ๆ เช่น การเขียน การพูด การเล่นดนตรี หรือการทำงานในวิชาชีพของคุณ ให้ใช้หลักการฝึกฝนแบบ Deep Practice เพื่อช่วยให้คุณเรียนรู้และพัฒนาทักษะนั้นๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ จงพยายามฝึกฝนด้วยความตั้งใจ ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และอย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด เพราะข้อผิดพลาดเหล่านั้นคือบทเรียนสำคัญที่จะทำให้คุณเก่งขึ้น

2. การสะสมประสบการณ์ : The Exporters

แนวคิดหลัก

หนังสือ The Exporters ยกตัวอย่างการพัฒนาของวงดนตรีชื่อดัง The Beatles ซึ่งไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นวงดนตรีที่มีชื่อเสียงเพียงแค่พรสวรรค์หรือความคิดสร้างสรรค์ แต่พวกเขาสามารถประสบความสำเร็จได้เพราะการลงมือทำจริงอย่างต่อเนื่องและได้รับข้อมูลย้อนกลับจากผู้ฟังในการแสดงสดครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาไม่ได้หยุดอยู่แค่การแสดงเพียงครั้งเดียว แต่พยายามที่จะปรับปรุงและพัฒนาตนเองจากประสบการณ์ในการแสดงสดแต่ละครั้ง

ประสบการณ์ในการลงมือทำจริงหรือ learning by doing เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการพัฒนาทักษะและความสามารถอย่างต่อเนื่อง เมื่อคุณทำอะไรซ้ำๆ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนา คุณจะพบกับข้อผิดพลาดและความท้าทายต่างๆ ที่ช่วยให้คุณเรียนรู้และปรับปรุงตนเองตลอดเวลา

วิธีปฏิบัติ

– ลงมือทำอย่างต่อเนื่อง : การลงมือทำอย่างต่อเนื่องเป็นกุญแจสำคัญในการสะสมประสบการณ์ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเรียน การฝึกทักษะใหม่ๆ หรือการพัฒนาตนเอง การทำซ้ำๆ เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแรง เช่น หากคุณต้องการเป็นนักเขียนที่มีความสามารถ คุณควรฝึกเขียนบทความหรือเรื่องสั้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน หรือถ้าคุณอยากเป็นนักพูดที่มีประสิทธิภาพ คุณควรหาคนที่จะฟังการพูดของคุณและฝึกพูดอย่างสม่ำเสมอ

– รับฟังคำติชม : การเปิดใจรับฟังคำติชมจากผู้อื่นเป็นสิ่งที่สำคัญในการพัฒนาตนเอง คำติชมไม่ว่าจะเป็นบวกหรือลบสามารถเป็นข้อมูลที่มีคุณค่าสำหรับการปรับปรุงและพัฒนางานของคุณ เช่น เมื่อคุณเขียนบทความหรือทำงานสร้างสรรค์ใดๆ ให้ส่งให้คนอื่นๆ วิจารณ์และรับฟังความคิดเห็นของพวกเขาอย่างตั้งใจ อย่าปล่อยให้คำติชมที่ลบทำให้คุณหมดกำลังใจ แต่ให้ใช้มันเป็นแรงผลักดันในการปรับปรุงตนเอง

– ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง : หลังจากที่ได้รับคำติชมแล้ว อย่าหยุดเพียงแค่รับฟัง แต่ให้ปรับปรุงงานของคุณอย่างต่อเนื่อง การปรับปรุงไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ เช่น หากคุณได้รับคำติชมว่าการพูดของคุณขาดความกระตือรือร้น ให้คุณฝึกการใช้โทนเสียงและภาษากายที่น่าดึงดูดมากขึ้น หรือถ้าผลงานการเขียนของคุณถูกวิจารณ์ว่าขาดความน่าสนใจ ให้คุณพยายามเพิ่มรายละเอียดและอารมณ์เข้าไปในงานเขียนของคุณ

การนำไปประยุกต์ใช้

ไม่ว่าคุณจะทำงานในด้านใด การสะสมประสบการณ์จากการลงมือทำจริงและการรับฟังคำติชมจากผู้อื่นจะช่วยให้คุณเติบโตและพัฒนาความสามารถของตนเองได้อย่างมั่นคง ลองลงมือทำสิ่งต่างๆ อย่างสม่ำเสมอและอย่ากลัวที่จะรับฟังคำติชม การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องจะทำให้คุณเป็นผู้ที่เก่งขึ้นและประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณตั้งใจ

3. การจัดการเวลา : Parkinson’s Law

แนวคิดหลัก

Parkinson’s Law เป็นกฎที่ระบุว่า “งานจะขยายเวลาไปตามเวลาที่กำหนดไว้” ซึ่งหมายความว่าหากไม่มีการกำหนดเส้นตายที่ชัดเจน งานมักจะกินเวลาและขยายออกไปเรื่อยๆ ทำให้ใช้เวลามากกว่าที่จำเป็น กฎนี้เป็นการเตือนให้เรารู้ว่าการจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญ หากคุณไม่กำหนดเส้นตายหรือตั้งขอบเขตเวลาในการทำงาน คุณอาจใช้เวลามากเกินความจำเป็นและงานนั้นอาจไม่เสร็จสมบูรณ์ภายในเวลาที่ควรจะเป็น

การใช้กฎ Parkinson’s Law ให้เกิดประโยชน์คือการตั้งเส้นตายเทียมเพื่อสร้างแรงกดดันให้ตนเองทำงานได้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มผลิตผลในงานที่ทำ

วิธีปฏิบัติ

– ตั้งเส้นตายเทียม : แม้ว่าคุณอาจจะมีเวลาเหลือเฟือในการทำงานใดๆ แต่การตั้งเส้นตายที่สั้นกว่าความเป็นจริงจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจและความเร่งรีบในการทำงาน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณมีเวลา 7 วันในการส่งรายงาน ให้ตั้งเป้าหมายว่าจะทำให้เสร็จภายใน 3 วัน ด้วยวิธีนี้คุณจะบังคับตัวเองให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้นและหลีกเลี่ยงการผัดวันประกันพรุ่ง

– แบ่งงานออกเป็นช่วงสั้นๆ : แทนที่จะทำงานตลอดทั้งวันโดยไม่มีการพักผ่อน ให้แบ่งเวลาออกเป็นช่วงๆ เช่น ช่วงละ 25 นาที ตามหลัก *Pomodoro Technique* ซึ่งหลังจากแต่ละช่วงควรมีการพักระยะสั้นๆ 5 นาที เทคนิคนี้จะช่วยให้คุณมีสมาธิกับงานที่ทำได้มากขึ้น และลดความเครียดจากการทำงานอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ

– ตรวจสอบความก้าวหน้าเป็นประจำ : การตรวจสอบความก้าวหน้าของงานที่ทำอยู่เสมอเป็นสิ่งสำคัญในการบริหารเวลา คุณควรตรวจสอบว่างานของคุณอยู่ในขั้นตอนใดแล้ว เหลือเวลาอีกเท่าไหร่ และมีสิ่งใดที่ยังคงต้องทำ การตรวจสอบเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนแผนการทำงานได้ทันทีหากจำเป็น และยังช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้เสร็จตามเวลาที่ตั้งไว้

การนำไปประยุกต์ใช้

การบริหารเวลาที่มีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นงานด้านธุรกิจ การศึกษา หรือการพัฒนาทักษะส่วนตัว การตั้งเส้นตายเทียม การแบ่งงานเป็นช่วง ๆ และการตรวจสอบความก้าวหน้าจะช่วยให้คุณสามารถทำงานได้สำเร็จตามเวลาที่กำหนดและมีเวลาว่างเพียงพอสำหรับการพักผ่อนและการทำกิจกรรมอื่น ๆ

เมื่อคุณสามารถฝึกฝนอย่างมีกลยุทธ์ สะสมประสบการณ์จากการลงมือทำจริง และบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณจะสามารถเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำได้อย่างมากมาย ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้หากมีความมุ่งมั่นที่จะลงมือทำและปรับปรุงตนเองอย่างต่อเนื่อง จงนำแนวคิดเหล่านี้ไปใช้ในชีวิตประจำวันของคุณ และคุณจะพบว่าความสำเร็จไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

ใช้ AI ช่วยเขียนหนังสือ สร้างหลักสูตรสอน
ทำเงินล้านจากประสบการณ์ที่รู้

เวิร์กช็อป 2 วันกับครูพี่ม้อคและทีมผู้เชี่ยวชาญ

ภาพรวมเวิร์กช็อป 2 วันเต็ม

เวิร์กช็อป 2 วันนี้ ครูพี่ม้อคและทีมผู้เชี่ยวชาญจะนำคุณเข้าสู่กระบวนการใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยในการสร้างหนังสือและหลักสูตรสอนจากประสบการณ์ของคุณเอง โดยออกแบบให้ทุกคนสามารถนำความรู้และทักษะที่มีมาสร้างผลงานที่สร้างรายได้ได้จริง เน้นให้ผู้เข้าร่วมได้สัมผัสกระบวนการเขียนและสร้างหลักสูตรด้วยตัวเอง พร้อมได้รับผลลัพธ์ที่สามารถนำไปต่อยอดได้ทันที

สิ่งที่คุณจะได้รับ

1. มีหนังสือหรือสร้างหลักสูตรการสอนนับร้อยโปรเจคท์ที่พร้อมใช้งานได้จริง
2. ใช้ AI ในการพัฒนาเนื้อหาที่ทรงพลัง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ
3. ต่อยอดความรู้และประสบการณ์ส่วนตัวให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่สร้างรายได้อย่างยั่งยืน

วันที่ 19-20 ตุลาคม (เสาร์อาทิตย์)
ที่สำนักพิมพ์ 7D Book ลาดพร้าว กทมฯ

ทักในช่องความคิดเห็นหรือในอินบ็อกซ์ตอนนี้

แบ่งปันเพื่อนๆ หรือ แชร์เก็บไว้ดูเอง

Leave a Reply