สรุปเทคนิคการเล่าเรื่องจากหนังสือ The Secret โดย Rhonda Byrne

แบ่งปันเพื่อนๆ หรือ แชร์เก็บไว้ดูเอง

The Secret ที่เขียนโดย Rhonda Byrne เป็นหนังสือที่สำรวจแนวคิดเกี่ยวกับ “กฎแห่งการดึงดูด” (Law of Attraction) และวิธีที่การคิดบวกสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนได้ โดยหนังสือเล่มนี้ได้อธิบายว่า การคิดในแง่ดีและมองหาสิ่งที่เราต้องการในชีวิตจะดึงดูดผลลัพธ์ที่ดีและทำให้ความปรารถนาเป็นจริงได้

จุดเด่นและสิ่งที่แตกต่างจากหนังสือทั่วไป

The Secret ไม่เหมือนกับหนังสือทั่วไปที่เน้นเพียงแค่การพัฒนาตนเองหรือเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จ หนังสือเล่มนี้นำเสนอหลักการที่เน้นไปที่พลังของความคิดและอารมณ์ในการดึงดูดสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต โดยเสนอแนวคิดที่ว่า “สิ่งที่คุณคิดคือสิ่งที่คุณดึงดูด” นอกจากนี้ยังเน้นถึงการใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การเห็นภาพในจินตนาการและการใช้คำพูดที่สร้างพลังบวกในชีวิต

หนังสือเล่มนี้แก้ปัญหาอะไร

หนังสือเล่มนี้ช่วยแก้ปัญหาการรู้สึกติดขัดในชีวิตหรือรู้สึกว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงมุมมองและวิธีคิด ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่า การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นที่การคิดและความเชื่อภายในตัวเอง การใช้หลักการของกฎแห่งการดึงดูดจะทำให้ผู้คนสามารถดึงดูดสิ่งที่ดีในชีวิตได้

ปัญหาที่หนังสือแก้ไขให้กับใคร

The Secret เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงชีวิตทั้งในด้านการเงิน ความสัมพันธ์ หรือความสุขในชีวิต ผู้ที่รู้สึกว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย หรือกำลังพบปัญหาที่ทำให้รู้สึกหมดกำลังใจ หรือรู้สึกติดขัดในหลาย ๆ ด้าน

www.thesecret.tv

เนื้อหา และแนวคิดจากหนังสือ

1. พลังของการคิดบวก

หนังสือเล่มนี้กล่าวถึงพลังของการคิดบวกว่าเป็นเครื่องมือที่สามารถดึงดูดผลลัพธ์ที่ดีในชีวิต โดยการเน้นความคิดไปที่สิ่งที่คุณต้องการแทนที่จะมองหาสิ่งที่คุณไม่ต้องการ เมื่อคุณมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณต้องการ ก็จะมีพลังดึงดูดสิ่งเหล่านั้นเข้ามาในชีวิต

2. กฎแห่งการดึงดูด (Law of Attraction)

กฎแห่งการดึงดูดบอกว่า “สิ่งที่คุณคิดจะดึงดูดสิ่งนั้นเข้ามาในชีวิต” เมื่อคุณคิดบวกและมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณต้องการ คุณจะเริ่มเห็นโอกาสและวิธีการที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นจริง

3. เทคนิคการเห็นภาพในจินตนาการ (Visualization)

การเห็นภาพในจินตนาการเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณสร้างภาพชัดเจนของเป้าหมายและสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต ซึ่งช่วยทำให้สิ่งนั้นกลายเป็นความจริง

4. ความสำคัญของการขอบคุณ (Gratitude)

การขอบคุณและแสดงความขอบคุณสำหรับสิ่งที่คุณมีในชีวิต เป็นวิธีหนึ่งในการดึงดูดพลังบวกและความสุขเข้ามา เมื่อคุณรู้สึกขอบคุณและมีความสุขกับสิ่งที่คุณมี จะทำให้คุณดึงดูดสิ่งที่ดียิ่งขึ้น

5. การใช้คำพูดและคำยืนยัน (Affirmations)

การใช้คำพูดที่ดีและบวกช่วยเสริมความเชื่อในตัวเอง โดยการใช้คำยืนยันช่วยให้คุณปรับเปลี่ยนวิธีคิดและทัศนคติในทิศทางที่ดีขึ้น

6. ความสำคัญของการเชื่อ (Belief)

การเชื่อในความสามารถของตัวเองและในสิ่งที่คุณต้องการเป็นปัจจัยสำคัญในการดึงดูดสิ่งดีๆ หากคุณไม่เชื่อว่าคุณสามารถทำได้ สิ่งที่คุณต้องการก็จะไม่เกิดขึ้น

7. การเชื่อมโยงอารมณ์ (Emotional Alignment)

อารมณ์ของคุณมีบทบาทสำคัญในการดึงดูดสิ่งที่คุณต้องการ หากคุณสามารถทำให้ตัวเองรู้สึกดีเกี่ยวกับสิ่งที่คุณต้องการ มันจะช่วยให้คุณดึงดูดสิ่งเหล่านั้นได้เร็วขึ้น

8. การทำตามแรงบันดาลใจ (Inspired Action)

แม้การคิดบวกสำคัญ, แต่การกระทำที่มีแรงบันดาลใจก็สำคัญเช่นกัน คุณต้องทำตามโอกาสและการกระทำที่สอดคล้องกับเป้าหมายของคุณ

9. การเอาชนะความเชื่อที่จำกัด (Overcoming Limiting Beliefs)

การระบุและขจัดความเชื่อที่จำกัดตัวเองเป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย หลายครั้งที่ความเชื่อที่ไม่ดีเกี่ยวกับตัวเองทำให้เราไม่สามารถประสบความสำเร็จได้

10. ผลกระทบที่เป็นลูกโซ่ (The Ripple Effect)

การเปลี่ยนแปลงตัวเองจะสามารถสร้างผลกระทบในวงกว้างไปสู่คนอื่นๆ หากคุณเปลี่ยนแปลงตัวเองในทางที่ดีขึ้น คุณก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นได้

Storytelling ในหนังสือ “The Secret” ของ Rhonda Byrne สะท้อนถึงทักษะการเล่าเรื่องที่มีความเป็นระบบและช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและเชื่อมโยงกับแนวคิดของกฎแห่งการดึงดูด (Law of Attraction) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทักษะการเล่าเรื่องที่ Byrne ใช้เน้นที่การอธิบายความคิดผ่านเรื่องเล่าและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ที่ทำให้เนื้อหาน่าสนใจและเข้าใจได้ง่าย

Facebook page : The Secret 

บทที่ 1 ความคิดคือพลัง

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่เข้าใจง่าย และเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้อ่าน โดยเริ่มจากการอธิบายว่า “ความคิด” คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต ทุกสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันเริ่มต้นจากความคิดของเราเอง การเล่าเรื่องในบทนี้แสดงให้เห็นว่า ความคิดที่ดีหรือแง่บวกจะดึงดูดสิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต ขณะที่ความคิดในทางลบจะดึงดูดสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งเป็นการเตือนให้ผู้อ่านรู้จักควบคุมความคิดและใช้มันให้เป็นประโยชน์

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง:

  • เริ่มจากการอธิบายหลักการพื้นฐานที่ง่ายที่สุด
  • ใช้ตัวอย่างจากชีวิตจริงที่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้
  • การบรรยายผ่านเหตุการณ์ที่ผู้อ่านคุ้นเคย เพื่อสร้างความเชื่อมโยง

บทที่ 2 กฎแห่งการดึงดูด

ทักษะการเล่าเรื่อง

ในบทนี้ Byrne ขยายแนวคิดของกฎแห่งการดึงดูด โดยใช้การอธิบายเชิงวิทยาศาสตร์ว่า “ความคิด” ของเราเป็นคลื่นพลังงานที่ออกไปในจักรวาลและดึงดูดสิ่งที่สอดคล้องกับคลื่นนั้นกลับมา การเล่าเรื่องในบทนี้ใช้การเปรียบเทียบเชิงภาพ (visual imagery) เพื่อให้ผู้อ่านสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เช่น การเปรียบเทียบกับสนามแม่เหล็กที่ดึงดูดสิ่งของที่เป็นโลหะ

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง:

  • แนะนำหลักการสำคัญ
  • ใช้การเปรียบเทียบเพื่อทำให้เนื้อหาง่ายขึ้น
  • ใช้คำที่เรียบง่ายและเหมาะสมในการสร้างภาพในใจผู้อ่าน

บทที่ 3 การมองเห็น (Visualization)

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne ใช้การเล่าเรื่องที่มีลักษณะเป็น การกระตุ้นความรู้สึก โดยให้ผู้อ่านเห็นภาพของสิ่งที่ตัวเองต้องการ ด้วยการใช้ การมองเห็น เป็นเครื่องมือในการดึงดูดสิ่งที่ต้องการเข้าสู่ชีวิต ตัวอย่างที่ Byrne ยกมา เช่น การมองเห็นตัวเองในอนาคต ทำให้ผู้อ่านเข้าใจว่าการมีภาพที่ชัดเจนในจิตใจจะช่วยให้การดึงดูดสิ่งต่าง ๆ เป็นไปได้จริง

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • เริ่มจากการอธิบายขั้นตอนการใช้ Visualization
  • ใช้ตัวอย่างที่เป็นเรื่องง่ายในการอธิบาย
  • ให้คำแนะนำเชิงปฏิบัติที่ผู้อ่านสามารถทำตามได้

บทที่ 4 ขอบคุณ (Gratitude)

ทักษะการเล่าเรื่อง

ในบทนี้ Byrne ใช้ การเล่าเรื่องที่สร้างแรงบันดาลใจ ผ่านการอธิบายถึง การขอบคุณ ว่ามีพลังในการดึงดูดสิ่งที่ดีเข้าสู่ชีวิต การเล่าเรื่องในบทนี้ยกตัวอย่างว่าเมื่อเราแสดงออกถึงความขอบคุณ สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นตามมา โดยยกตัวอย่างประสบการณ์จากคนที่ใช้การขอบคุณในชีวิตจริงและประสบความสำเร็จ

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง:

  • ใช้เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงเพื่อแสดงถึงความสำคัญของการขอบคุณ
  • สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่าน
  • เน้นการสื่อสารในรูปแบบที่เรียบง่ายและเข้าใจได้

บทที่ 5 การยืนยัน (Affirmations)

ทักษะการเล่าเรื่อง: Byrne ใช้ การเล่าเรื่องที่ทำให้ผู้อ่านเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง ผ่านการใช้ Affirmations หรือการพูดในสิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิต โดยให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการใช้ Affirmations เพื่อให้ความคิดบวกและความเชื่อในตัวเองเกิดขึ้นจริง

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง:

  • เริ่มด้วยการอธิบายความสำคัญของการยืนยัน
  • ใช้ตัวอย่างจากชีวิตจริง เช่น นักกีฬา นักธุรกิจ เพื่อให้เห็นภาพ
  • แนะนำการฝึกฝน Affirmations ในชีวิตประจำวัน

บทที่ 6 เชื่อมั่นในตัวเอง (Belief)

ทักษะการเล่าเรื่อง

ในบทนี้ Byrne ใช้การเล่าเรื่องเพื่อ เน้นย้ำความสำคัญของการเชื่อมั่นในตัวเอง การที่เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองและในสิ่งที่ต้องการจะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีกว่า การเล่าเรื่องในบทนี้มักใช้ตัวอย่างของผู้ที่ผ่านความล้มเหลวมาหลายครั้ง แต่ยังคงเชื่อมั่นและในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • ใช้เรื่องราวจากคนที่ประสบความสำเร็จ
  • เน้นการทำให้ผู้อ่านเห็นความสำคัญของการมีความเชื่อมั่นในตัวเอง
  • แสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสิ่งที่สร้างความสำเร็จ

บทที่ 7 การตั้งเป้าหมาย (Goal Setting)

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne ใช้ การเล่าเรื่องเชิงวิธีการ เพื่ออธิบายการตั้งเป้าหมาย โดยให้ผู้อ่านทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและวิธีการทำให้เป้าหมายเหล่านั้นเป็นจริง ด้วยการตั้งเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงและการใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง:

  • อธิบายวิธีการตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน
  • ใช้ตัวอย่างที่เข้าใจง่ายในการอธิบายวิธีการ
  • แนะนำเครื่องมือที่สามารถใช้ในการตั้งเป้าหมาย

บทที่ 8 การจัดการกับอารมณ์ (Emotional Mastery)

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne เล่าเรื่องเกี่ยวกับ การควบคุมอารมณ์ โดยอธิบายว่าอารมณ์มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดสิ่งที่ต้องการ หากเราควบคุมอารมณ์ให้ตรงกับสิ่งที่ต้องการ เราจะสามารถดึงดูดสิ่งดีๆ ได้เร็วขึ้น การเล่าเรื่องในบทนี้ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพว่าอารมณ์ของเราคือ “เครื่องมือ” ที่ส่งผลต่อการดึงดูดสิ่งต่างๆ

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • อธิบายถึงความสำคัญของการควบคุมอารมณ์
  • ใช้ตัวอย่างที่ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าอารมณ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
  • แนะนำวิธีการฝึกควบคุมอารมณ์ในชีวิตประจำวัน

บทที่ 9 การกระทำ (Inspired Action)

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne เน้นถึงความสำคัญของ การกระทำที่มีแรงบันดาลใจ การที่เราคิดบวกและรู้สึกดีจะทำให้เกิดการกระทำที่สอดคล้องกับเป้าหมาย การเล่าเรื่องในบทนี้มักเชื่อมโยงกับการที่ผู้อ่านควรรับฟังสัญญาณจากภายในตัวเองและทำตามโอกาสที่เข้ามาในชีวิต

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • อธิบายถึงการกระทำที่เกิดจากแรงบันดาลใจ
  • ใช้ตัวอย่างจากคนที่เคยทำตามความรู้สึกและประสบความสำเร็จ
  • เน้นการให้ผู้อ่านเห็นว่า “การกระทำ” สำคัญไม่แพ้การคิดบวก

บทที่ 10: การรับมือกับอุปสรรค (Overcoming Obstacles)

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne ใช้ การเล่าเรื่องที่มุ่งหวังให้กำลังใจ โดยการแสดงให้เห็นว่าอุปสรรคต่างๆ ที่เราพบเจอในชีวิตไม่ได้เป็นอุปสรรคที่แท้จริง แต่เป็นโอกาสในการเติบโตและพัฒนา เมื่อเรามีความเชื่อและมองโลกในแง่บวก อุปสรรคเหล่านั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ที่ช่วยเสริมสร้างความสำเร็จ การเล่าเรื่องในบทนี้มีการเชื่อมโยงกับเรื่องราวของบุคคลที่ประสบปัญหามากมาย แต่ยังคงมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • การเล่าเรื่องใช้ กรณีศึกษาจากชีวิตจริง ของผู้ที่ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ
  • เน้นการสร้างทัศนคติที่ดีในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
  • การแสดงให้เห็นว่าอุปสรรคเป็นแค่ขั้นตอนหนึ่งในการไปสู่ความสำเร็จ

บทที่ 11: การมีทัศนคติที่ถูกต้อง (Right Attitude)

ทักษะการเล่าเรื่อง

Byrne สร้างการเล่าเรื่องโดยใช้ การเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาตนเอง ให้ผู้อ่านเข้าใจว่า “ทัศนคติที่ถูกต้อง” เป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ในชีวิต เราต้องมีทัศนคติที่เปิดกว้างพร้อมรับสิ่งดีๆ และพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลง ในบทนี้ Byrne ใช้คำพูดที่มีความกระตุ้นและมีแรงบันดาลใจในการเชิญชวนผู้อ่านให้ปรับทัศนคติของตัวเอง

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • การเล่าเรื่องเน้นที่ การสอนทัศนคติที่เป็นบวก
  • ใช้คำแนะนำที่ช่วยให้ผู้อ่านปรับมุมมองชีวิตในทางที่ดีขึ้น
  • ยกตัวอย่างบุคคลที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตได้ด้วยทัศนคติที่ถูกต้อง

บทที่ 12: การรู้สึกขอบคุณ (Power of Gratitude)

ทักษะการเล่าเรื่อง

บทนี้เน้นการใช้ การเล่าเรื่องที่มีความหมายลึกซึ้ง โดยการพูดถึงพลังแห่งการขอบคุณที่สามารถดึงดูดสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต โดยให้ผู้อ่านมองเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้จากการขอบคุณ การเล่าเรื่องในบทนี้ช่วยให้ผู้อ่านตระหนักว่าแม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก การขอบคุณสามารถเปลี่ยนมุมมองและสร้างพลังบวกได้

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • การเล่าเรื่องที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงจากการขอบคุณ
  • ใช้ตัวอย่างที่สะท้อนถึงพลังของการขอบคุณในชีวิต
  • การเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ที่ดีที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการขอบคุณอย่างจริงใจ

บทที่ 13: การปรับสภาพจิตใจ (Mental Reconditioning)

ทักษะการเล่าเรื่อง

ในบทนี้ Byrne ใช้การเล่าเรื่องเชิง การให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนความคิด เพื่อให้ผู้อ่านสามารถสร้างความคิดที่ดีและบวกในทุกๆ วัน การเล่าเรื่องในบทนี้มีลักษณะเป็นการบรรยายเกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนแปลงความเชื่อและแนวคิดที่ไม่สร้างสรรค์ โดยการใช้เทคนิคง่ายๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ในชีวิตประจำวัน

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • แนะนำวิธีการ ปรับสภาพจิตใจ โดยการฝึกฝนความคิด
  • ใช้ตัวอย่างจากชีวิตจริงของคนที่เปลี่ยนแปลงทัศนคติและความคิดของตัวเอง
  • แนะนำการใช้เครื่องมือ เช่น การเขียนความคิดในเชิงบวก, การฝึกสมาธิ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านมีจิตใจที่แข็งแกร่งและพร้อมรับสิ่งดี ๆ

บทที่ 14: การกระทำ (Action)

ทักษะการเล่าเรื่อง

บทนี้จะเน้นที่ การกระทำที่ได้รับแรงบันดาลใจ ซึ่งเป็นผลมาจากความคิดที่ดีและความรู้สึกขอบคุณในชีวิต การเล่าเรื่องในบทนี้บ่งบอกว่าไม่พอแค่คิดบวกหรือขอบคุณเท่านั้น แต่การกระทำที่สอดคล้องกับความคิดก็เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ผลลัพธ์เกิดขึ้น การเล่าเรื่องช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจว่าแม้จะมีแรงบันดาลใจ แต่ก็ต้องมีการกระทำที่แน่นอนเพื่อให้สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้น

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • แนะนำการกระทำที่มาจากแรงบันดาลใจ
  • ใช้ตัวอย่างจากบุคคลที่ได้ทำตามสิ่งที่คิดและเห็นผลลัพธ์จริง
  • เน้นการกระทำที่สอดคล้องกับการตั้งเป้าหมายและความตั้งใจที่ชัดเจน

บทที่ 15: สร้างชีวิตที่คุณต้องการ (Creating the Life You Want)

ทักษะการเล่าเรื่อง

ในบทสุดท้ายนี้ Byrne ใช้ การเล่าเรื่องที่กระตุ้นให้ผู้อ่านมีแรงบันดาลใจ และแสดงให้เห็นว่าเราสามารถสร้างชีวิตที่เราต้องการได้จริง ๆ ผ่านการใช้กฎแห่งการดึงดูดและเครื่องมือที่กล่าวถึงในบทต่างๆ ทุกขั้นตอนในบทนี้เป็นการเชื่อมโยงและสรุปความรู้จากบทก่อนๆ ที่ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพที่ชัดเจนและมีความมั่นใจในการสร้างชีวิตตามที่ต้องการ

ขั้นตอนการเล่าเรื่อง

  • สรุปทุกสิ่งที่ได้กล่าวถึงในบทก่อนหน้า
  • ให้แรงบันดาลใจและกำลังใจในการลงมือทำ
  • สร้างภาพแห่งความสำเร็จที่ผู้อ่านสามารถจินตนาการและทำตามได้

Byrne ใช้ทักษะการเล่าเรื่องที่มีโครงสร้างและชัดเจนในแต่ละบท โดยเริ่มต้นจากการอธิบายหลักการสำคัญ การใช้ตัวอย่างจากชีวิตจริง การสร้างภาพในใจผู้อ่าน และการให้คำแนะนำที่สามารถทำตามได้อย่างง่ายดายผ่านเทคนิคต่าง ๆ เช่น การคิดบวก การขอบคุณ การใช้ Affirmations และการกระทำที่ได้รับแรงบันดาลใจ การเล่าเรื่องใน The Secret ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที

Rhonda Byrne เป็นนักเขียนและผู้ผลิตภาพยนตร์จากออสเตรเลีย หนังสือ The Secret ของเธอถูกตีพิมพ์ในปี 2006 และกลายเป็นหนังสือขายดีระดับโลก

ภายหลัง หนังสือเล่มนี้ได้รับการแปลงเป็นภาพยนตร์สารคดีที่มีชื่อเดียวกัน ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้ชมทั่วโลก Byrne ได้รับการยกย่องในเรื่องของการเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับการใช้กฎแห่งการดึงดูดในการสร้างความสำเร็จในชีวิต

Facebook page : The Secret 

หากคุณเป็นโค้ช เป็นวิทยากร เป็นที่ปรึกษา เป็นนักเขียน เป็นคนที่ต้องการสร้างตัวตนจากประสบการณ์ที่คุณมี นี่คือคอนเส็ปท์ที่ผมคิดว่าคุณสามารถนำไปต่อยอดเป็นหลักสูตร เป็นหนังสือได้ 5 หัวข้อครับ

1. การสร้างตัวตนผ่านการคิดบวก (Positive Thinking and Personal Branding)

แนวทาง: การสร้างตัวตนผ่านการคิดบวกช่วยให้คุณดึงดูดโอกาสและคนที่มีความคิดในทิศทางเดียวกัน หากคุณมองโลกในแง่บวกและสะท้อนออกมาในทุกการกระทำและการพูด จะทำให้ผู้คนเริ่มรับรู้ถึงตัวตนของคุณในทางที่ดีขึ้น ให้เริ่มจากการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนและคิดถึงสิ่งที่คุณต้องการให้เป็นจริง จากนั้นให้แสดงออกผ่านการทำงาน การพูด และการเขียน

2. การใช้ “กฎแห่งการดึงดูด” ในการสร้างเนื้อหาหรือหลักสูตร (Applying the Law of Attraction to Content Creation)

แนวทาง: ใช้กฎแห่งการดึงดูดในการสร้างเนื้อหาหรือหลักสูตรที่สะท้อนถึงสิ่งที่คุณต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตและธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณต้องการให้ผู้คนรู้จักคุณในฐานะผู้เชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาตนเอง ให้สร้างเนื้อหาที่เต็มไปด้วยวิธีการและคำแนะนำที่มีคุณค่า ต่อเนื่องด้วยการสร้างคอนเทนต์ที่ช่วยเพิ่มพลังบวกและเชื่อมโยงกับหลักการของการดึงดูด

3. การใช้การมองเห็น (Visualization) เพื่อสร้างโอกาส (Visualization for Opportunity Creation)

แนวทาง: สอนให้ผู้อ่านหรือผู้เรียนใช้การมองเห็นในการสร้างโอกาสและเป้าหมายในชีวิต เช่น การมองเห็นตัวเองในสถานการณ์ที่ประสบความสำเร็จ หรือการเห็นภาพของการเป็นผู้นำที่มีอิทธิพล ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนมั่นใจและมีแรงบันดาลใจในการดำเนินการตามเป้าหมายที่วางไว้

4. การใช้เทคนิคการสร้างคำยืนยัน (Affirmation Techniques) ในการสร้างความเชื่อมั่น (Affirmations for Confidence Building)

แนวทาง: แนะนำให้ผู้อ่านใช้คำยืนยันในทุกวัน เพื่อช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจและมุ่งมั่นในการดำเนินชีวิต ตัวอย่างเช่น การยืนยัน “ฉันมีความสามารถในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีในชีวิต” ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อในตัวเองให้แข็งแกร่ง และช่วยให้พวกเขามีพลังในการทำตามเป้าหมายของตัวเอง

5. การใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงและการขยายมุมมอง (Embrace Change and Expand Perspectives)

แนวทาง: การเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิต เพื่อสร้างความเติบโตและความสำเร็จ ให้ผู้อ่านมองการเปลี่ยนแปลงเป็นโอกาสในการพัฒนาตนเองและสร้างสิ่งใหม่ๆ แนะนำให้พวกเขาฝึกฝนการเปิดรับมุมมองใหม่ ๆ และพยายามทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในเชิงบวกเพื่อสร้างโอกาสที่มากขึ้น

การใช้หลักการเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาหรือหลักสูตรที่มีคุณค่าและสามารถพัฒนาผู้คนให้เติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นได้

ครูพี่ม้อค สำนักพิมพ์ 7D Book

ใช้ AI ช่วยทำเงินล้านจากการขายหนังสือและหลักสูตร
เวิร์กช็อป 2 วันกับครูพี่ม้อคและทีมผู้เชี่ยวชาญ

สอนการใช้ Facebook และ AI เพื่อให้คุณดังและรวย พร้อมเทคนิคการตลาดที่คุณสามารถทำตามได้ทันที

ภาพรวมเวิร์กช็อป 2 วันเต็ม

1. เรียนรู้วิธีสร้างตัวตนและคอนเทนต์ที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายที่ใช่
2. เรียนรู้เทคนิคการเล่าเรื่อง การเขียนสคริปต์ และการสร้างวิดีโอ
3. ใช้ AI เพื่อช่วยในการเขียนคอนเทนต์ การทำโฆษณา และการปิดการขาย

วันที่ 1: เริ่มต้นสร้างตัวตนและคอนเทนต์ที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายโดยการใช้ AI เป็นผู้ช่วยในทุกขั้นตอน

วันที่ 2: การสร้างคอนเทนต์และการตลาดที่ทำเงินนับล้านโดยการใช้ AI เป็นผู้ช่วยในทุกขั้นตอน

วันที่ 2-3 พฤศจิกายน (เสาร์ อาทิตย์)
ที่สำนักพิมพ์ 7D Book ลาดพร้าว กทมฯ

ทักในช่องความคิดเห็นหรือในอินบ็อกซ์ตอนนี้

แบ่งปันเพื่อนๆ หรือ แชร์เก็บไว้ดูเอง

Leave a Reply